แชร์

ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ให้ความต่างสร้างการเติบโต

อัพเดทล่าสุด: 31 ม.ค. 2025
76 ผู้เข้าชม

เมื่อพูดถึงความขัดแย้ง คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลีกเลี่ยง เพราะคิดว่าจะนำไปสู่ความไม่พอใจ แตกแยก หรือสูญเสีย แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป หากเราสามารถจัดการและใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเหมาะสม ความขัดแย้งอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่การพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทีมได้

"Level of Conflict and Unit of Performance"

เป็นโมเดลที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระดับของความขัดแย้งในทีมและผลการปฏิบัติงาน ซึ่งอธิบายได้ว่า..ระดับความขัดแย้งที่เหมาะสมในทีมสามารถกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาได้

ในขณะเดียวกัน หากระดับความขัดแย้งต่ำหรือสูงเกินไป อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหรือไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเน้นให้เห็นว่าความขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป แต่มีระดับของความขัดแย้งที่เหมาะสมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีมได้ ดังนี้

Low Conflict (ความขัดแย้งต่ำ)

เมื่อความขัดแย้งต่ำ ทีมมักจะทำงานตามปกติแต่มักขาดความท้าทายและความคิดสร้างสรรค์ สมาชิกอาจไม่กล้าแสดงความเห็นที่แตกต่างจึงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในระดับต่ำ-ปานกลาง

Moderate Conflict (ความขัดแย้งปานกลาง)

ระดับนี้คือจุดที่สามารถใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สมาชิกในทีมกล้าที่จะแบ่งปันความเห็นที่แตกต่างและใช้ความขัดแย้งในการสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ โดยไม่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือความไม่พอใจ

High Conflict (ความขัดแย้งสูง)

หากความขัดแย้งในทีมสูงเกินไป เช่น เกิดการโต้เถียงหรือการปะทะที่รุนแรง อาจทำให้ทีมสูญเสียเวลา พลังงาน และความสัมพันธ์ ส่งผลให้ผลการปฏิบัติงานลดลง 

หากเราสามารถบริหารจัดการได้ดีพอ ความขัดแย้งสามารถนำมาซึ่งประโยชน์อย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น

สร้างความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ความขัดแย้งเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เกิดการระดมสมอง การพัฒนาความคิดใหม่ ๆ เมื่อผู้คนกล้าที่จะแสดงความเห็นและตั้งคำถาม ทีมจะค้นพบวิธีการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ขึ้น

พัฒนาความสัมพันธ์ในทีม การจัดการความขัดแย้งอย่างเหมาะสม สามารถช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและไว้วางใจในทีมได้ เพราะสมาชิกจะได้เรียนรู้ที่จะรับฟังมุมมองที่แตกต่างและปรับตัวให้เข้ากับการทำงานร่วมกัน

ส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนา ความขัดแย้งที่สร้างสรรค์ช่วยกระตุ้นให้ทีมพัฒนาทักษะในการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในระยะยาว 

กระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งสามารถทำให้องค์กรหรือทีมมองเห็นข้อบกพร่องในกระบวนการทำงานหรือแนวทางปัจจุบัน และกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

5 วิธี บริหารจัดการความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์

1. ปรับทัศนคติ

ทีมควรมองความขัดแย้งเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และพัฒนามากกว่ามองว่าเป็นปัญหา หากเราเข้าใจได้ว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เราจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างสร้างสรรค์

2. ใช้การสื่อสารอย่างเปิดกว้างและตรงไปตรงมา

การพูดคุยที่ชัดเจน ตรงประเด็น และแสดงออกถึงความเคารพต่อกัน ช่วยลดความเข้าใจผิดและเพิ่มความไว้วางใจ

3. มุ่งเน้นที่เป้าหมายร่วมกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งกลายเป็นเรื่องส่วนตัว ทีมควรเน้นที่เป้าหมาย/ผลลัพธ์ที่ต้องการร่วมกัน เช่น การพัฒนาคุณภาพงาน, การแก้ไขปัญหาที่พบเจอ

4. กำหนดกฎเกณฑ์ในการถกเถียง

เช่น ไม่พูดแทรก ไม่ใช้คำพูดที่โจมตีส่วนตัว จะช่วยให้เกิดการถกเถียงที่สร้างสรรค์และเคารพกันและกัน

5. จัดสรรบทบาทของผู้นำทีม

ผู้นำทีมควรมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางที่ช่วยประนีประนอมและชี้นำให้ทีมใช้ความขัดแย้งเพื่อประโยชน์สูงสุด โดยไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะที่รุนแรง

ความขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเสมอไป หากแต่เป็นโอกาสที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาและความสำเร็จได้หากจัดการอย่างเหมาะสมด้วยการปรับใช้โมเดล Level of Conflict and Unit of Performance และการขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ทีมสามารถพัฒนาไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว

 Author

ยุ่ง ศริยา ประวงษ์ ร่วมกับ ChatGPT
People & Culture Transformation Consultant
Action Learning Coach
Team Psychological Safety Facilitator

 Artwork: Jutha.J


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
แม้สุขภาพจิตของพนักงานจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเพียงพอ ปัญหาความเครียด การหมดไฟในการทำงาน และภาวะซึมเศร้า กำลังกลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ การให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรโดยรวม ดังนั้น องค์กรควรพิจารณาแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
31 ม.ค. 2025
ดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของพนักงานไม่ใช่เพียงแค่การดูแล "คน" แต่เป็นการลงทุนที่ช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกด้าน เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตและกายที่ดี องค์กรจะได้ทีมงานที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร
31 ม.ค. 2025
ไขความลับ กลไกป้องกันตัวเอง: เข้าใจและรับมืออย่างสร้างสรรค์
กลไกการป้องกันตัวเองเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ช่วยปกป้องจิตใจ แต่การแสดงพฤติกรรมนี้อย่างไม่รู้ตัว อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการพัฒนาตนเอง การตระหนักรู้และเข้าใจว่าทำไมเราถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ช่วยให้เราสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือช่วยให้เราเติบโตเป็นคนที่เปิดใจกว้าง มั่นคงในตัวเอง และพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์
31 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy