ไขความลับ กลไกป้องกันตัวเอง: เข้าใจและรับมืออย่างสร้างสรรค์
การป้องกันตัวเอง (Self-Defensive Mechanism) เป็นพฤติกรรมที่มนุษย์แสดงออกโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกถูกคุกคาม เสียหน้า หรือไม่ปลอดภัย พฤติกรรมนี้เป็นธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางจิตวิทยาที่ช่วยปกป้องตัวเราให้รอดพ้นจากความไม่สบายใจหรือไม่มั่นใจ
ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้รับ Feedback แล้วตอบกลับอย่างปกป้องตัวเอง เช่น ฉันตั้งใจทำเต็มที่แล้ว/คุณไม่เข้าใจงานนี้ดีพอ หรือเมื่อถูกถามถึงความล่าช้าของโครงการ แต่กลับตอบกลับว่าไม่ใช่แค่ฉันที่ช้า ทุกคนก็มีส่วนทำให้ล่าช้าเหมือนกัน
เพราะอะไรคนเราจึงมีกลไกการป้องกันตัวเอง?
จากแนวคิดของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ กลไกการป้องกันตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานของจิตใจที่ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างแรงกดดันจากภายนอก (เช่น คำวิจารณ์) และแรงผลักดันจากภายใน (เช่น ความกลัวว่าจะล้มเหลว) ทำให้คนเราแสดงพฤติกรรมด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น
การปกป้องภาพลักษณ์: เมื่อคนรู้สึกว่าความสามารถหรือผลงานของตนถูกตั้งคำถาม พวกเขามักจะแสดงพฤติกรรมเพื่อรักษาภาพลักษณ์ในสายตาผู้อื่น
ความไม่มั่นคงในตัวเอง: คนที่มีความมั่นใจต่ำหรือเคยประสบกับความล้มเหลว อาจตอบสนองเชิงปกป้องตัวเองบ่อยกว่าคนที่มั่นใจในตัวเอง
ความกลัวที่จะเสียหน้า: วัฒนธรรมบางแห่งที่เน้นความสมบูรณ์แบบหรือความสำเร็จ อาจทำให้คนแสดงพฤติกรรมปกป้องตัวเองเมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ถึงมาตรฐานที่คาดหวัง
การตระหนักถึงกลไกการป้องกันตัวเองไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของตนและผู้อื่นได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกว่าเดิม ดังนี้
พัฒนาตนเอง:
การรู้ตัวว่าเรากำลังแสดงพฤติกรรมเชิงปกป้อง ช่วยให้เราสามารถหยุดพฤติกรรมนั้นและมอง Feedback เป็นโอกาสในการปรับปรุง
ลดความขัดแย้ง:
เมื่อเราเข้าใจว่าคนอื่นอาจแสดงพฤติกรรมปกป้องตัวเองเพราะพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย เราจะไม่มองว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นการโจมตีส่วนตัว
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น:
ความเข้าใจในกลไกนี้ช่วยให้เราสื่อสารอย่างมีความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างในที่ทำงาน
และ 6 วิธีการรับมือและปรับตัวเพื่อสร้างพฤติกรรมที่สร้างสรรค์มีดังนี้
1. ตระหนักรู้ในตัวเอง (Self-Awareness):
การตระหนักถึงอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเองเป็นก้าวแรกในการจัดการกับกลไกการป้องกันตัวเอง ลองถามตัวเองว่า ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้? หรือ สิ่งนี้เกี่ยวกับงานหรือเกี่ยวกับตัวฉันเอง?
2. ฝึกแยกแยะระหว่างคำวิจารณ์กับตัวตน:
พึงระลึกเสมอว่า Feedback หรือคำวิจารณ์เกี่ยวกับงาน ไม่ได้ลดคุณค่าในตัวคุณ
ตัวอย่าง: เมื่อหัวหน้าตำหนิว่า งานนี้ยังไม่สมบูรณ์แทนที่จะรู้สึกว่าฉันไม่เก่ง ให้คิดว่าฉันจะปรับปรุงอะไรได้บ้าง?
3. เปิดใจรับฟังและถามคำถาม:
มองข้อเสนอแนะว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และฝึกถามคำถามเพื่อเข้าใจให้ชัดเจน
ตัวอย่าง: คุณคิดว่าฉันควรปรับจุดไหนก่อนเป็นอันดับแรก?
4. ฝึกสื่อสารอย่างสร้างสรรค์:
หากรู้สึกไม่เห็นด้วยหรือไม่สบายใจให้พูดอย่างสุภาพและเสนอวิธีแก้ปัญหา
ตัวอย่าง: แทนที่จะตอบโต้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉันให้พูดว่า เรามาลองคิดหาวิธีปรับปรุงร่วมกันดีไหม?
5. พัฒนาทัศนคติเชิงบวก:
มองสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นโอกาสในการเติบโตแทนที่จะมองเป็นอุปสรรค
ตัวอย่าง: หากทีมไม่เห็นด้วยกับไอเดียของคุณ ให้คิดว่า นี่เป็นโอกาสที่จะเรียนรู้มุมมองใหม่
6. สร้างความมั่นคงในตัวเอง:
ฝึกยอมรับข้อดีและข้อเสียของตัวเองอย่างสมดุลเพื่อเสริมความมั่นใจในตนเอง
ตัวอย่าง: จดบันทึกความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวันเพื่อเตือนตัวเองถึงคุณค่าที่คุณมี
กลไกการป้องกันตัวเองเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ช่วยปกป้องจิตใจ แต่การแสดงพฤติกรรมนี้อย่างไม่รู้ตัว อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการพัฒนาตนเอง การตระหนักรู้และเข้าใจว่าทำไมเราถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ช่วยให้เราสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือช่วยให้เราเติบโตเป็นคนที่เปิดใจกว้าง มั่นคงในตัวเอง และพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์
Author
ยุ่ง ศริยา ประวงษ์ ร่วมกับ ChatGPT
People & Culture Transformation Consultant
Action Learning Coach
Team Psychological Safety Facilitator
Artwork: Jutha.J