แชร์

Back to Starbucks ภายใต้การนำของ Brian Niccol: กลยุทธ์ใหม่กับการสร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่ปลอดภัยทางจิตใจ

อัพเดทล่าสุด: 18 พ.ย. 2024
66 ผู้เข้าชม

เมื่อ Brian Niccol เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ Starbucks ในเดือนกันยายน 2024 เขามาพร้อมความท้าทายใหม่ในการพัฒนาและฟื้นฟูประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงการยกระดับคุณภาพการทำงานของพนักงานด้วยการสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุน

Niccol ได้ใช้ประสบการณ์จากตำแหน่งซีอีโอของ Chipotle Mexican Grill ที่เขาพลิกฟื้นธุรกิจได้สำเร็จ และนำมาประยุกต์ใช้กับ Starbucks ด้วยการผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งและการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้ออาทรต่อพนักงาน

การพัฒนา Starbucks ภายใต้ Niccol มีจุดมุ่งหมายหลักในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริการ โดยนโยบาย Back to Starbucks มุ่งเน้นในการกลับสู่รากฐานสำคัญของแบรนด์ นโยบายนี้ประกอบด้วยการดำเนินการหลายประการ ที่เริ่มปรับใช้แล้วในหลายประเทศ นโยบายดังกล่าว เช่น

  • การยกเลิกค่าธรรมเนียมนมทางเลือก
    เช่น นมถั่วเหลือง นมโอ๊ต และนมอัลมอนด์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมที่ต้องการได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

  • การนำบาร์เครื่องปรุงและแก้วเซรามิกกลับมา
    สำหรับลูกค้าที่นั่งในร้าน
    เพื่อลดการใช้แก้วพลาสติกและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในร้าน

  • การลดความซับซ้อนของเมนู
    เพื่อให้บาริสต้าสามารถทำเครื่องดื่มได้เร็วขึ้น ช่วยลดเวลารอคอยและทำให้ลูกค้าประทับใจในความรวดเร็ว


  • การปรับปรุงสาขาและทำเลที่ตั้ง
    โดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่

การดำเนินการเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบาริสต้าด้วยการจัดการเวลาและกระบวนการทำงานที่มีความคล่องตัวมากขึ้น

Niccol ให้ความสำคัญอย่างมากในการสร้างบรรยากาศที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุน โดยเน้นไปที่การทำงานร่วมกันเป็นทีมและการสร้างความไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นหัวใจของ Psychological Safety การดูแลพนักงานของเขามีจุดเด่นที่น่าสังเกตหลายประการ:

[1] การเพิ่มจำนวนพนักงานและปรับปรุงตารางการทำงาน

การจัดการตารางการทำงานใหม่และเพิ่มจำนวนพนักงานในสาขาช่วยให้พนักงานมีภาระงานที่สมดุลมากขึ้น และลดความเครียดเมื่อทำงานในช่วงเวลาที่เร่งด่วน การมีเวลาพักและความสมดุลในการทำงานทำให้พนักงานมีสุขภาพจิตที่ดีและมีพลังในการทำงานเต็มที่
นอกจากนี้ การที่พนักงานสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานได้ง่ายขึ้นยังสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความไว้วางใจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Psychological Safety

[2] การปรับปรุงอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมการทำงาน

การลงทุนในการอัปเกรดอุปกรณ์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมในร้าน เช่น เครื่องชงกาแฟที่มีประสิทธิภาพและพื้นที่ทำงานที่เป็นระเบียบ ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น การดูแลให้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและสภาพแวดล้อมที่ดีช่วยให้พนักงานมั่นใจในการทำงาน และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในองค์กร

[3] การสื่อสารและความร่วมมือกับสหภาพแรงงาน

Niccol แสดงถึงความจริงจังในการสื่อสารและเจรจาอย่างเปิดเผยกับตัวแทนพนักงานและสหภาพแรงงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีช่องทางในการแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงาน
การที่บริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานมีเสียงสะท้อนอย่างชัดเจนทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น ทำให้พนักงานสามารถพูดคุยถึงปัญหาและข้อเสนอแนะได้อย่างเต็มที่

[4] นโยบายการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนสำหรับพนักงานสำนักงาน

สำหรับพนักงานในสำนักงาน Niccol ได้กำหนดนโยบายให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อยสามวันต่อสัปดาห์ การพบปะและทำงานร่วมกันในสถานที่เดียวกันช่วยส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม และทำให้พนักงานมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กัน ซึ่งช่วยให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมและเปิดใจในการทำงานร่วมกันมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าการสร้างความปลอดภัยทางจิตวิทยา (Psychological Safety) ในที่ทำงานไม่ได้เกิดจากเพียงแค่การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการดูแลในทุกมิติ ทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจ

ภายใต้การนำของ Brian Niccol Starbucks ไม่ได้มุ่งเพียงแค่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมั่นใจในบทบาทของตนเอง Niccol ได้ปรับปรุงนโยบายซึ่งเป็นการสนับสนุนจากองค์กร เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ที่ดีกับการพัฒนาทางจิตใจและสุขภาพของพนักงาน ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาศักยภาพองค์กรในระยะยาว

นโยบาย Back to Starbucks และการดูแลพนักงานอย่างเอาใจใส่ในด้าน Psychological Safety ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน แต่ยังช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีบทบาทสำคัญในการทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน

 

---
 Author

ยุ่ง ศริยา ประวงษ์ ร่วมกับ ChatGPT
People & Culture Transformation Consultant
Action Learning Coach
Team Psychological Safety Facilitator

  Artwork: Jutha.J


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
แม้สุขภาพจิตของพนักงานจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเพียงพอ ปัญหาความเครียด การหมดไฟในการทำงาน และภาวะซึมเศร้า กำลังกลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ การให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรโดยรวม ดังนั้น องค์กรควรพิจารณาแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
31 ม.ค. 2025
ดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของพนักงานไม่ใช่เพียงแค่การดูแล "คน" แต่เป็นการลงทุนที่ช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกด้าน เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตและกายที่ดี องค์กรจะได้ทีมงานที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร
31 ม.ค. 2025
ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ให้ความต่างสร้างการเติบโต
เมื่อพูดถึงความขัดแย้ง คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลีกเลี่ยง เพราะคิดว่าจะนำไปสู่ความไม่พอใจ แตกแยก หรือสูญเสีย แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป หากเราสามารถจัดการและใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเหมาะสม ความขัดแย้งอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่การพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทีมได้
31 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy